วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เทคนิคการว่ายน้ำท่ากรรเชียง

การเคลื่อนไหวของแขน


วาดแขนข้างใดข้างหนึ่งลงในน้ำ ในลักษณะแขนเหยียดตรงเหนือศีรษะจนเกือบเป็นเส้นตรงกับหัวไหล่ นิ้วเท้าทั้งห้าชิดกัน โดยนิ้วก้อยจะสัมผัสผิวน้ำเป็นอันดับแรกตรงตำแหน่งด้านหลัง ในตำแหน่ง 11 นาฬิกา หรือ 1 นาฬิกา ให้ไหล่ยกเล็กน้อยและหันฝ่ามือออกจากลำตัว ในจุดนี้มือจะกดลงในน้ำลึกประมาณ ๔-๖ นิ้ว ต่อจากนั้นให้พุ้ยน้ำและผลักฝ่ามือกลับเข้ามาที่ขา เป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะลง-ขึ้น-ลงเหมือนขว้างน้ำหรือร่อนจานตรงไปยังเท้าด้วยฝ่ามือ เมื่อสิ้นสุดการเคลื่อนไหวแขนในแต่ละครั้งมือจะอยู่ชิดกับขา ฝ่ามือลงสู่พื้นสระ หลังจากผลักมือไปแล้วจะยกขึ้นพ้นน้ำ ขั้นตอนนี้เรียกว่าการกลับเข้าที่ วิธีปฏิบัติอย่างง่ายที่สุดในการดึงแขนกลับเข้าที่คือพยายามเหยียดแขนให้ตรงและยกขึ้นตรงๆ จุดหมุน คือ ข้อต่อหัวไหล่และยกมือขึ้นจนถึงจุดสูงสุดในอากาศแล้วฝ่ามือจะหมุนออกไปจากลำตัวซึ่งจะทำให้นิ้วก้อยหันลงสู่ผิวน้ำเป็นอันดับแรก เมื่อจะยกแขนขึ้นจากน้ำต้องหันฝ่ามือเข้าหาขาก่อน โดยบิดข้อมือเล็กน้อยให้ฝ่ามืออยู่ข้างขา แล้วยกขึ้นตรงๆ หัวแม่มือจะพ้นน้ำขึ้นมาก่อน ถ้ายกขึ้นในลักษณะคว่ำมือจะเกิดแรงต้านทานกับน้ำ ทำให้ความเร็วลดลงได้ การเคลื่อนไหวแขนมีความสำคัญต่อการเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากกว่าการเคลื่อนไหวขา

การเคลื่อนไหวของขา


การเตะสลับเท้าได้คงที่สม่ำเสมอเป็นหัวใจของความสำเร็จในการว่ายท่ากรรเชียง ในขณะเคลื่อนไหวเท้า ให้งอเข่าเล็กน้อยในจังหวะที่เตะปลายเท้าขึ้นบน พร้อมกันนั้นปลายเท้าต้องชี้ตรง ไม่เกร็งข้อเท้า ขณะเตะสลับเท้าควรจำไว้ว่า ต้องทำน้ำให้เดือดด้วยปลายเท้า ในลักษณะนี้คือการทำน้ำกระจายขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การหายใจ


หลังจากรู้วิธีเคลื่อนไหวแขนและขาแล้ว ต่อไปก็ควรฝึกการหายใจให้เป็นจังหวะที่สม่ำเสมอและทำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย สบายและไม่เกร็ง โดยปฏิบัติ ดังนี้มือทั้งสองอยู่ในตำแหน่งที่ตรงข้ามกันเสมอ เมื่อมือข้างหนึ่งต้องลงสู่น้ำ ในขณะเดียวกันต้องยกปลายเท้าหรือหัวแม่เท้าเตะสลับในลักษณะตีน้ำให้เดือด หายใจเข้า-ออกให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอคงที่ ช้าๆไม่เร่งรีบ จะช่วยให้ฝึกว่ายน้ำท่ากรรเชียงได้ง่ายและดีขึ้นโดยใช้เวลาไม่มาก


ที่มา วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการว่ายน้ำท่าผีเสื้อ

การเคลื่อนไหวของแขน


ต้องเริ่มการเคลื่อนไหวแขนทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน โดยเหยียดมือทั้งสองออกไปเหนือศีรษะ คล้ายๆกับการพุ้ยน้ำในท่าวัดวา มีข้อแตกต่างจากท่าวัดวาบ้าง คือในท่าผีเสื้อนั้นไม่ต้องบิดหรือม้วนศีรษะขึ้นข้างๆ เพื่อช่วยในการหายใจ และต้องวาดมือไปพร้อมๆกันทั้งสองข้างในจังหวะพุ่งมือ เริ่มด้วยการให้ฝ่ามือทั้งสองข้างคว่ำลงสู่พื้นสระ มืออยู่ห่างกันประมาณช่วงกว้างของไหล่ ลากหรือกวาดมือออกไปด้านข้างลำตัว แล้วกดมือลงโดยไม่มีการหยุดชะงัก ให้ทำติดต่อกันไปเป็นจังหวะเดียว ข้อศอกงอเล็กน้อยเพื่อให้การกดมือลงไปในน้ำเป็นไปได้ดี และยังคงต้องยกข้อศอกขึ้นสูงไว้ก่อนในขณะที่พุ้ยน้ำออกไปด้านหลังลงไปสู่เส้นกลางตัว การพุ้ยน้ำให้ทำท่าทางเหมือนกับการใช้แขนและลำตัวม้วนอยู่เหนือถังน้ำมัน เมื่อสิ้นสุดการม้วนตัวดังกล่าว ก็เข้าสู่ช่วงของการผลักข้อมือหรือการเหยียดแขนออกเต็มที่ โดยมือทั้งสองจะอยู่ข้างๆ ต้นขา การว่ายน้ำท่าผีเสื้อจะใช้แรงจากแขนและหัวไหล่มาก


การกลับเข้าที่ เริ่มด้วยการผ่อนข้อมือและยกข้อศอกพ้นขึ้นจากน้ำ ต้องไม่เกร็งข้อมือและต้องยกข้อศอกขึ้นสูง ต่อจากนั้นค่อยเคลื่อนไหวมือกลับเข้าสู่ท่าเริ่มต้นด้วยการลดข้อมือลงสู่ผิวน้ำและต้องควบคุมแรงด้วยการก้มศีรษะและการเตะเท้าลงด้านล่าง เพื่อช่วยให้แขนกลับเข้าสู่ท่าเริ่มต้นอีกครั้ง มือและแขนจะเคลื่อนที่ลงสู่ผิวน้ำอย่างต่อเนื่องกันตรงตำแหน่งด้านหน้าของไหล่ การพุ่งมือลงน้ำเริ่มที่ปลายนิ้วก่อน

การเคลื่อนไหวของขา

การใช้ขาและเท้าให้ทำเหมือนปลาโลมาว่ายน้ำ หรือทำเหมือนการเคลื่อนไหวเฉพาะท่อนหางของมัน คือใช้เท้าคู่เตะพร้อมๆ กัน โดยกระทุ่มขึ้น-ลงในแนวดิ่ง เพื่อให้ลำตัวเคลื่อนที่พุ่งไปข้างหน้า การเตะเท้าจะทำเหมือนกับท่าวัดวา แต่แตกต่างกันตรงที่ต้องเตะเท้าคู่พร้อมๆ กัน จังหวะของการเคลื่อนไหวลำตัวสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อการเตะเท้าที่ถูกต้อง เริ่มฝึกเคลื่อนไหวขาด้วยการยกสะโพกขึ้น แล้วงอเข่าทั้งสองข้างไปพร้อมกัน การงอเข่าเล็กน้อยเช่นนี้จะทำให้ส้นเท้าตั้งขึ้นไปหาผิวน้ำ ต่อจากนั้นลดสะโพกต่ำลง แล้วเหยียดขาเตะออกไปให้ตึงเต็มที่ ในขั้นสุดท้ายปลายเท้าจะเหยียดตรง การเคลื่อนไหวลำตัวและขาให้สัมพันธ์กันเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะทำให้ว่ายท่าผีเสื้อได้ถูกต้องต่อไป

การหายใจ

การหายใจในท่าผีเสื้อมีความสำคัญต่อท่าทางการว่ายที่ถูกต้องมากที่สุดส่วนหนึ่ง การหายใจเริ่มขึ้นภายหลังที่ได้หายใจออกใต้น้ำไปแล้ว ด้วยการยกศีรษะขึ้นข้างหน้า ในลักษณะของการยื่นคางออกไปตรงๆ แล้วหายใจเข้าในขณะที่ขายังอยู่ในจังหวะของการเตะลงต่ำ และพร้อมๆกันนั้นแขนก็จะเคลื่อนที่เข้าสู่จังหวะการผลักมือขึ้น หลังสิ้นสุดการผลักมืออย่างสมบูรณ์ ศีรษะจะม้วนขึ้นและลง ไม่ใช่ยกขึ้นยกลง การกลับเข้าที่ของแขนในช่วงนี้เป็นการกลับเข้าสู่ขั้นการเตรียมเพื่อการเริ่มต้นใหม่ต่อไป

ที่มา วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการว่ายน้ำท่ากบ

การเคลื่อนไหวของแขน
การพุ้ยน้ำในท่ากบเริ่มด้วยการเหยียดแขนออกไปข้างหน้าให้มืออยู่ต่ำจากระดับผิวน้ำลงมาประมาณ 4-5 นิ้วใช้ฝ่ามือกดพุ้ยน้ำออกด้านข้างให้ลึกลงมาในน้ำแล้ววาดเลยไปข้างหลัง จนกระทั่งเมื่ออยู่ตรงตำแหน่งด้านนอกของข้อศอก (โดยประมาณ) จากนั้นรวบมือทั้งสองข้างเข้ามาด้านในแล้วรวบชิดกันไว้ใต้คางให้ค่อนไปข้างหน้าเล็กน้อย ตรงจุดนี้มือจะพุ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน จนกระทั่งแขนเหยียดตรงสู่การเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับการเอามือทั้งสองข้างวาดรูปหัวใจจากห้องบนมาหาห้องล่าง ลองพยายามวาดภาพหัวใจโดยใช้ปลายนิ้วกดออกไปด้านข้าง ลากลงต่ำและลากออกไปทางข้างหลังแล้วรวบมือเข้าหากัน ข้อควรจำ การพุ้ยน้ำตามขั้นตอนต่างๆ ข้างต้น จะต้องทำให้ต่อเนื่องกันหรือเป็นจังหวะเดียวโดยตลอด ไม่หยุดชะงัก ด้วยความเร็วคงที่และพยายามเคลื่อนไหวมือให้เร็วที่สุดในลักษณะวาดรูปหัวใจ

การเคลื่อนไหวของขา
การใช้เท้าท่ากบ จะแตกต่างจากท่าอื่นค่อนข้างมาก ขณะเริ่มเตะเท้า ขาทั้งสองต้องเหยียดออกไปอยู่ใต้น้ำ ลึกจากผิวน้ำประมาณ 6 นิ้ว โดยยกส้นเท้าขึ้นก่อน แล้วจึงวาดเท้าออกไปพร้อมๆ กันให้เหมือนรูปพัด หัวแม่เท้าบิดออกด้านข้าง งอเข่า เข่าไม่ชิด ความกว้างระหว่างเข่าทั้งสองข้างไม่มากเกินกว่าความกว้างระหว่างส้นเท้าทั้งสอง เตะเท้าให้เป็นวงกลมไปด้านหลังพร้อมๆกัน โดยให้รู้ว่าได้ใช้ด้านข้างของเท้าถีบน้ำออกไปสิ่งสำคัญที่ต้องจำ คือหลังเตะเท้าพร้อมกันแล้ว ต้องชิดส้นเท้าเข้าหากันเสมอ

ที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

การดูแลผิวและผม กับ การว่ายน้ำ

การว่ายน้ำอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อผิวพรรณ ได้ หากได้รับการดูแลรักษาไม่เพียงพอ ผลเสีย ของ การว่ายน้ำที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ผิวไหม้แดดนั่นเอง หลายท่านคงสังเกตว่าหลังไปว่ายน้ำแล้ว ผมจะแห้งกรอบ บางท่านว่ายน้ำกลางแดดเปรี้ยง นาน ๆ ผมจะเปลี่ยน สีเป็นสีแดงได้ บางคนที่มีผมสีค่อนข้างอ่อน หากไปว่ายน้ำในสระที่ใส่จุนสีมาก ๆ เพื่อกำจัดเชื้อโรค พบว่าผมอาจมีสีออกเขียวได้ สำหรับท่านที่มีผมยาวและดูแลรักษายากอยู่แล้วก็ควรใส่หมวกว่ายน้ำด้วย
ต้องระลึกไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก,ว่ายน้ำในทะเลสาบ, ในแม่น้ำ, ในทะเลหรือในห้วยหนองคลองบึงที่ใดก็ตาม น้ำแต่ละชนิดนั้นอาจมีผลเสียต่อผิวพรรณได้ครับ เพราะในน้ำอาจมีเชื้อโรคขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า,  เชื้อโรคจึงลุกลามเข้าสู่ผิวหนังได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของหู จึงควรหายางอุดหูมาใช้เวลาว่ายน้ำหรือหากมีน้ำค้างอยู่ในหู ก็ให้พยายามเขย่าน้ำออก อาจโดยการกระโดดขึ้นกระโดดลง โดยเอียงศีรษะให้หูด้านที่มีน้ำขังอยู่ด้านล่าง นอกจากนั้นก็ยังอาจใช้นิ้วมือกดรูหูเพื่อทำให้เกิดแรงดูด อาจทำให้น้ำไหลออกมาได้ แต่ถ้าทำแล้วหูยังอื้ออยู่ก็ต้องพบแพทย์ อย่าได้เอาไม้เอาสำลีไปแหย่หูเอง เพราะหูอาจยิ่งอักเสบง่าย

น้ำในสระว่ายน้ำบางแห่งมีคลอรีนผสมอยู่สูงมาก หากว่ายน้ำแล้วอาจเกิดตาแดงแสบและเคืองตามากหรืออีกทีถ้าไปว่ายน้ำในคลองที่สกปรก ตาก็อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อได้เช่นกัน จึงควรสวมแว่นตากันน้ำเข้าตาก่อนไปว่ายน้ำ

หลังจากไปว่ายน้ำมาแล้ว ควรอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด หากเป็นคนผิวแห้งก็ควรใช้ครีมหรือน้ำมันทาผิวชโลมลูบไล้ตามผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง สระผมให้สะอาดด้วยแชมพูแล้วตามด้วยครีมนวดผม เพื่อรักษาสภาพเส้นผมไม่ให้แห้งกรอบ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่แห้งสนิทอย่าทนฝืนสวมชุดว่ายน้ำที่เฉอะชื้นอยู่นาน ๆ หากผิวหนังมีบาดแผลก็ต้องทำความสะอาดบาดแผลให้เรียบร้อย และต้องไม่ว่ายน้ำกลางแดดจัด เหล่านี้จะทำให้มีผิวสวยยามไปว่ายน้ำดับร้อนได้

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

เสริมสร้างทักษะการว่ายน้ำสำหรับเด็ก


เด็ก (ส่วนใหญ่) กับน้ำ เจอกันเมื่อไหร่ก็ถูกใจเมื่อนั้น เวลาที่ลูกหงุดหงิดงอแง พอคุณแม่จับอาบน้ำ โดยเฉพาะถ้าให้ลงไปแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ เจ้าตัวดีเป็นต้องยิ้มแก้มปริทุกครั้ง เด็กน้อยคนนักที่จะร้องไห้เวลาได้เจอน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะลูกมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับน้ำตั้งแต่ครั้งแรก เช่น คุณแม่ทำให้สำลักน้ำ หรือทำหลุดมือตอนอาบน้ำ ก็จะทำให้ลูกเข็ดขยาดน้ำไปอีกนานเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงการเล่นน้ำ แน่นอนว่าต้องนึกถึงการว่ายน้ำ คุณพ่อคุณแม่หลายคนจะนึกถึงการพาลูกไปว่ายน้ำเมื่อลูกโตเดินได้แล้ว แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องรอให้ลูกโตขนาดนั้นก็สามารถพาไปลงสระว่ายน้ำได้

สำหรับประโยชน์ที่เจ้าตัวเล็กจะได้รับจากการว่ายน้ำ มีดังนี้


1. การฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับการว่ายน้ำตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจ ไม่กลัวน้ำ และเมื่อถึงวัยที่สามารถเรียนว่ายน้ำอย่างจริงจัง เจ้าตัวเล็กก็สามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆ ในการว่ายน้ำได้ง่ายขึ้นและเมื่อลูกสามารถว่ายน้ำได้ เขาจะมีความภูมิใจและมีความกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

2. ช่วยฝึกกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายให้มีความแข็งแรงและทำงานประสานกันได้ดี ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการการยืนและเดิน รวมทั้งพัฒนาการทางสมองของลูกด้วย ซึ่งการว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัย เพราะน้ำจะช่วยลดแรงกระแทก ที่อาจทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่างได้รับบาดเจ็บ

3. ช่วยเสริมสร้างทักษะการทรงตัวและการลอยตัว และเมื่อถึงวัยที่ต้องพลิกคว่ำพลิกหงาย เจ้าตัวเล็กจะสามารถพลิกคว่ำ พลิกหงายได้ทั้งสองเวลาที่อยู่ในน้ำเพื่อรักษาสมดุล

4. น้ำช่วยกระตุ้นให้ลูกมีประสาทสัมผัสที่ไวขึ้น ทั้งการมองเห็น การได้ยิน การรับรส และการดมกลิ่น

 5. การว่ายน้ำช่วยสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ และเจ้าตัวเล็ก ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพราะได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น การได้รับการสัมผัสโอบกอดจากคุณพ่อคุณแม่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลูกมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย

เริ่มเมื่อไหร่ดี


มาถึงตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจอยากให้เจ้าตัวเล็กว่ายน้ำ คงจะมีคำถามตามมาว่าควรจะพาลูกไปว่ายน้ำเมื่อไหร่ดี...คำตอบก็คือ โดยปกติแล้วเด็กๆ พร้อมที่จะเรียนว่ายน้ำอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเมื่ออายุประมาณ 2-3 ขวบ แต่คุณสามารถเริ่มฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับสระน้ำได้ก่อนหน้านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะสามารถเริ่มได้เมื่อลูกมีอายุประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายและความพร้อมของเจ้าตัวเล็กด้วย ถ้าลูกมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ก่อนที่จะพาเจ้าตัวเล็กไปวาดลวดลายในสระ ก็ควรปรึกษาคุณหมอก่อนเพื่อความปลอดภัย และหากลูกมีความหวาดกลัวเวลาที่ลงสระคุณก็ไม่ควรบังคับ เพราะจะทำให้ลูกมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับการว่ายน้ำ ควรจะทิ้งช่วงไปสักระยะหนึ่งหรือรอให้ลูกโตกว่านี้อีกหน่อย แล้วค่อยพาลงสระก็ยังไม่สาย

เริ่มอย่างไร


จุดประสงค์ของการพาลูกไปว่ายน้ำตั้งแต่เล็กๆ ก็คือการฝึกให้ลูกคุ้นเคย และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนว่ายน้ำ เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม คุณแม่จึงไม่ควรจริงจัง และคาดหวังว่าลูกจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้ให้ได้ ในเวลาเท่านั้นเท่านี้ เพราะจะทำให้เกิดความเครียดทั้งคุณและเจ้าตัวเล็ก การพาลูกเล็กไปว่ายน้ำต้องเน้นที่ความสนุกสนานเป็นหลัก เมื่อเกิดความสนุกสนานแล้ว การเรียนรู้ก็จะง่ายขึ้น ซึ่งสำหรับเด็กเล็กแล้วสิ่งที่คุณสามารถสอนลูกได้การคือ การลอยตัว การทรงตัวขณะอยู่ในน้ำ การเตะขา การพลิกตัว การเคลื่อนไหวร่างกายในลักษณะต่างๆ การดำน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานนำไปสู่การเรียนว่ายน้ำในเวลาต่อมา

ข้อควรระวัง


1. ก่อนพาลูกลงสระ ควรเช็คอุณหภูมิของน้ำในสระก่อน ว่าเหมาะสำหรับลูกหรือไม่ สำหรับอุณหภูมิที่พอเหมาะและสบายสำหรับเด็กนั้น จะอยู่ระหว่าง 31-34 องศาเซลเซียส

2. เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มมีอาการหนาวสั่น ควรรีบพาลูกขึ้นจากสระแล้วห่อผ้าไว้ให้ร่างกายอบอุ่น

3. การลงสระครั้งแรก ไม่ควรให้ลูกอยู่ในน้ำนาน เกิน 10 นาที เมื่อลูกเริ่มคุ้นเคยแล้วจึงค่อยเพิ่มเวลาให้มากขึ้น สำหรับเจ้าตัวเล็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี ไม่ควรให้อยู่ในน้ำนานเกินครั้งละครึ่งชั่วโมง

4. ถ้าเจ้าตัวเล็กมีไข้ ไม่สบาย ก็ไม่ควรพาลูกไปว่ายน้ำ

5. ถ้าเจ้าตัวเล็กมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น เป็นภูมิแพ้ที่ผิวหนัง ควรปรึกษาคุณหมอก่อนว่า คลอรีนในสระจะทำให้ผิวของลูกเกิดการระคายเคืองหรือไม่

6.  คุณแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาที่อยู่ในสระน้ำ เพื่อความปลอดภัย

7.  การฝึกให้ลูกลอยตัวในน้ำและดำน้ำ ควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำตลอดเวลา

8.  ถ้าลูกสะอึกอยู่ ไม่ควรให้ดำน้ำเพราะจะให้ลูกกลืนน้ำเข้าไปได้

แหล่งข้อมูล : นิตยสารบันทึกคุณแม่